จะเรียนภาษายังไงดีให้เป็นเร็ว อาจจะเป็นคำถามที่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยใช่มั้ยคะ
นอกจากที่เราจะสนใจในเรื่องการเรียน Data อีกทักษะที่สำคัญก็คือภาษา ไม่ว่าจะเป็น second language หรือ third language ก็เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโลกใบต่อไปเพราะถ้าจะเปิดประสบการณ์ให้กว้างขึ้น เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Source data ส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติทั้งนั้น
การ Research ข้อมูลต่างเป็นภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ หรือการฟัง มันจะทำให้เราเข้าใจ context นั้นๆ ได้ง่ายไม่ซับซ้อน (ไอ่ที่จะยาก ก็คงจะเป็นศัพท์แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอ แต่โคตรสร้างประโยค และเนื้อความมันก็ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนมาอยู่ดี ถือซะว่าเพิ่มคลังศัพท์ไปด้วย แฮ่ ~)

ส่วนตัวเราเองก็กำลังเริ่มเรียนภาษาที่สาม แต่ว่าเริ่มต้นเรียนด้วยตัวเองเลยพยายาหา trick and tip มาช่วยไม่ให้การเรียนมันน่าเบื่อแล้วก็ apply กับชีวิตประจำวันได้ด้วย ถ้าให้รอถึงสถานการณ์ที่จะได้ใช้ภาษาอันนั้นจริงๆ ก็คงค่อนข้างยากสำหรับตอนนี้ เอาเป็นว่าฝึกกันไปก่อนนนนน 😆
Week ที่ผ่านมาได้เลื่อนไปเจอกับ YouTube ช่องของ Matt Brooks-Green เขาทำคลิป Guideline สำหรับการเรียนภาษาด้วยวิธีที่เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง เพราะว่าตัวเขาเองก็กำลังเรียนภาษา Spain อยู่เหมือนกัน
Learn ANY Language With This Simple Habit (backed by science) ชื่อคลิปวิดิโอที่ลองกดฟังเข้าไปดู Simple habit ที่ Matt พูดถึงก็คือการเอาทักษะการเขียนมาปรับใช้ในการเรียนภาษา ซึ่งสำหรับเราผู้ที่ชอบเขียนอะไรโบ้ๆ เบ้ๆ อยู่แล้ว ถูกใจอย่างมาก แล้วพอเอามาทดลองใช้จริงๆ
มัน Work เลยหล่ะ
เราเลยอยากเอา Trick and tip อันนี้มาแบ่งปันให้กับๆ ที่กำลังเรียนภาษาอยู่ แล้วก็ยังติดตรงที่ว่า ไม่รู้จะฝึกยังไงดี เมื่อเราไม่ได้มีสถานณการณ์ให้เรานำสิ่งที่เราเรียนมาไปใช้ หรือใครที่กำลังจะเริ่มเรียนก็สามารถเอาทริคเล็กๆนี้ไปใช้สำหรับการเริ่มต้นก็ได้ค่ะ

Research shows that a simple writing habit could be the secret that help you to unlock fluency. – Matt Brooks-Green-
🧩Start journaling with your target language
เริ่มต้นการเขียนเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นสื่งที่เรากำลังเรียนรู้ , สิ่งที่เราสนใจ หรือแม้แต่เป็นสิ่งที่เรากำลังคิดออกมาเป็นภาษานั้นๆ
สำหรับเรา เราเริ่มเอามาวิธีนี้มา applied กับภาษาอังกฤษก่อนโดนการเริ่มสรุปบทเรียน การเขียน to do list หรือ การเขียน diary เป็นภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้กำลังเริ่มเรียน German ไปด้วยเลยปรับเอาการเขียน to do list มาเป็น German แทน ท้าทายมากกเตงงงง 5555+
ถ้าเอาเห็นภาพว่ามันได้ผลจริงๆ ก็คงเป็นการเขียนสรุปในสิ่งที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ได้ทั้งทบทวนสิ่งที่เรียนมา และการฝึกเขียน ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ การดึงคำศัพท์ที่เน้นจำมาอย่างเดียวเอามันออกมาปรับใช้กับรูปประโยชน์นั้นๆ ซึ่งการที่ได้ดึงมันออกมาใช้ ยิ่งเป็นในสถานการณ์ที่เราเข้าใจ มันก็จะทำให้เราจำศัพท์นั้นๆ ได้ดีขึ้น

🧩Why is writing so effective ?
ก็เพราะการลงมือเขียนมันช่วยให้เราค่อยๆคิด และได้แปลงสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งวิธีการที่ทำให้สมองจดจำสิ่งนั้นๆ ได้ดี คือการมองเห็นภาพๆนั้นอย่างชัดเจน
แทนที่จะจดจำสิ่งๆนั้น หรือ คำศัพท์เหล่านั้นไว้ในหัว ให้เปลี่ยนมันออกมาเป็นตัวหนังสือแทน
เพื่อให้เราเข้าใจรูปประโยค และหน้าที่การทำงานของศัทพ์นั้นๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เป็นการ boost boost learning ให้ก้าวไปอีกขั้น เฮ้ ~ 💪
The more you think about language the more it gets ingrained.
– Matt Brooks-Green-
🧩Writing can help to improve speaking skill
อันนี้ดูไม่น่าเกียวข้องกันใช่มั้ยละ มันคืองี้นะเธอออ
ทั้งสอง skills นี้ถือเป็นทักษะการสื่อสารที่มีการทำงานเหมือนกันก็คือ การถ่ายทอดเรื่องราวไปยังผู้อ่าน หรือผู้ฟัง ถ้าอยากจะให้เนื้อความนั้นเข้าใจง่าย ตรงประเด็น เราก็จะต้องพยายามหาคำศัพท์ หรือรูปแบบการสื่อให้ออกมาด้วยความหมายที่ไม่ผิดเพี้ยนจริงมั้ย
ดังนั้นทุกการเขียนมันจะทำให้เราจำคำศัพท์ หรือ เนื้อความนั้นๆ ให้เรานำไปปรับใช้
ในการสื่อสารทางการพูด ได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
Speaking and writing are activated the same parts of your brain linked to language productive. – Matt Brooks-Green-
🧩The problem is “We have no idea what to write.”
เมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะเริ่มเขียนอะไร หรือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่จรงไหน เราแนะนำให้เริ่มจากอะไรง่ายๆก่อน เช่น การเขียน To do list ของแต่ละวันในทุกๆเช้า หรือการเขียน Diary ของสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องเขียนให้มัน prefect เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นการเขียนผิดๆถูกๆ จะทำให้เราเกิดการเรียนรู้ เพราะพื้นที่สำหรับการฝึกฝนเราสามารถทำผิดทำถูก และเรียนรู้กับข้อผิดพลาดนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่
เพราะการฝึกฝนไม่มีข้อจำกัด หรือรูปแบบที่ตามตัว เอาที่มันเหมาะสมกับเราแล้วรู้สึกสนุกไปกับมัน
ส่วนตัวเราที่ตอนนี้กำลังเริ่มเรียน German ด้วยตัวเองอยู่ ก็พยามยามเขียนอะไรโบ้ๆเบ้ๆ ง่ายๆ เหมือนเด็กที่กำลังเริ่มฝึกเขียนเล้ยยย 😆

The journaling will help to manage your stress and help you process your own thoughts and remember.- Matt Brooks-Green-
Create new habit by start small.
🧩Let’s start 15 minutes a day
จับเวลาสำหรับการเขียนครั้งละ 15 นาทีต่อวัน เขียนอะไรก็ได้ที่เพื่อนๆ สนใจลงในกระดาษ หรือเรื่องง่ายๆ อย่าง To do list ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะมาก แล้วเราจะกลับมารีวิวสิ่งที่เราเขียนที่หลังว่ามันผิดยังไง ควรที่จะปรับปรุงตรงไหน
เช่นบางคนอาจจะรู้คำศัพท์เยอะมากแต่วางเรียงในประโยคไม่ถูก หรือในทางกลับกันอีกคน Grammar เป๊ะมาก แต่คลังคำศัพท์ยังไม่ค่อยมี ฉะนั้นเราจะมองเห็นได้จากงานเขียนของเรานั่นเอง
เมื่อเขียนครบจบ 15 นาทีก็ชมตัวเองสักหน่อยว่า เอ้ย ไอ่เราก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ยย 5555 +
แล้วก็ไปทำอย่างอื่นได้ แต่ แต่ แต่ อย่าลืมหาเวลากลับมารีวิวสิ่งที่เราเขียนด้วยนะฮะ ทุกโค้นนน

🧩Writing by hand or typing
There is some evidence that writing by hand might actually help you in storing or reinforcing the new words and phrases. – Matt Brooks-Green-
ส่วนตัวเราก็รู้สึกชอบการเขียนด้วยมือมากกว่า (อันนี้แล้วแต่คนถนัดได้เลยนะคะ ไม่ว่ากันน้าาา 😃)
ถึงว่าการเขียนมือมันจะช้ากว่า แต่เราคิดว่ามันช่วยเรากรองความคิดได้ละเอียดกว่า และเกิดการ focus ในสิ่งที่ทำมากกว่า เพราะว่าถ้าอย่างที่เขียนบทความอยู่ตอนนี้ก็คือ แวะไปเปลี่ยนเพลงบ้าง แว๊บไปอ่านข้อความบ้าง 5555 + แล้วอีกอย่างการเขียนด้วยมือบนสมุด มันไม่มี auto correction เป็นอะไรที่ท้าทายมากกกกก 😆😆
เพื่อนๆชอบการเขียนแบบไหนมากกว่า เพราะอะไร แชร์กันได้เลยน้าาา 🧡
🧩 AI is out there “Why we still need to practice”
เข้าใจได้ว่าในปัจจุบันนี้ AI เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างมาก มีคำถามสงสัยอะไรไอ่เจ้า AI ก็จะหาคำตอบให้เราได้หมด
แต่มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราสามารถใช้มันเพื่อทำให้ตัวเราเก่งขึ้นด้วย และเข้าใจในสิ่งที่เราสนใจอย่างแท้จริง โดยใช้ AI นี่แหละเป็นเพื่อนค่อยชี้ทางให้กับเรา ช่วยอธิบายในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ บอกจุดที่เราต้องปรับปรุง เพื่ออัพเลเวลให้เรากับตัวเราเอง
งานเขียนที่เราใช้ภาษาอื่นก็เช่นกัน การที่ให้เจ้า AI รีวิวและ feedback งานของเรามันจะทำให้เราเกิดการเรียนรู้ จดจำ และเข้าใจในข้อผิดพลาดนั้นๆ ได้
เราว่านี้แหละคือการใช้งาน AI อย่างคุ้มค่า ❤
Just build it up over time rather that feeling overwhelmed. – Matt Brooks-Green-

อ่านแล้วเป็นยังกันบ้างงงง แชร์กับได้น้าาา หรือเพื่อนคนไหนมีเทคนิคการเรียนภาษาก็แบ่งปันกันได้ในคอมเม้นนะคะ 🧡🧡🧡
ขอให้เพื่อนๆ สนุกกับทุกการเดินทางนะคะ ❤
Reference :
Leave a comment