เมื่อวันที่ 22 Nov 2025 มีโอกาสได้ไปฟัง Katanyu talk show x DataRockie กับหัวข้อ
Baby driver สนุกมากกก ในคณะที่คุณยู กตัญญู เล่าเรื่องต่างไปเรื่อยๆ เราสะดุดกับประโยคหนึ่งเขาพูดไว้ประมาณว่า

หนึ่งในสิ่งที่เขาอยากบอกลูกสาวที่กำลังจะเกิดมาคือ ความอดทน ไม่ว่าชีวิตจะถูกปฎิเสธ หรือ พบเจอกับความล้มเหลวขนาดไหน ให้เรารู้จักอดทน และเชื่อในตัวเอง ว่าตัวเราทำได้ โดยอย่าสูญสิ้นศรัทธาในตัวเอง – Katanyu tonight talk show on 22 Nov. 2025-
มันเลยทำให้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองที่ว่า วันนี้ เรากำลังสูญสิ้นศรัทธาในตัวเราเองรึปล่าว
ไม่ว่าจะเกิดจากคำดูถูก ว่าตัวเรานั้นทำไม่ได้ หรือเหตุการณ์ที่ยากเกินจะควบคุม
ไหนจะเป็นช่วง Busy season ที่ปิดงบจนหัวหมุน, การ manage คนที่โคตรยาก, ตารางเรียนที่แพลนจนแน่น เพื่อที่จะสอบ Certificate รวมถึง Information ที่เข้ามาหลายทางมากล้นจนจัดระเบียบไม่ได้ project ที่กำลังจะเริ่มและเต็มไปด้วยความกดดัน และสิ่งที่ทำให้เคว้งมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องต้นทุนอันจำกัด ปัญหาทางด้านการเงินที่กลายมาเป็นเรื่องที่คิดไม่ตก
จนบางครั้งเมื่อเราจัดการกับสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ มันเลยดึงเอาเรื่องที่เคย manage ได้มาใส่ใจ Motivation ที่เคยมีให้ตัวเองมันเริ่มหมด
มันก็ดีนะที่มีเป้าหมายชีวิต แต่โดน disrupted มากๆ ก็ไม่ไหว หมกหมุ่นเหมือน เป็ดที่ว่ายวนอยู่ในอ่าง เก็บตัวไม่เจอใคร กดดันตัวเองอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม และห้องเล็กๆ

จนกระทั่งเริ่มอ่านหนังสือเยอะขึ้น ลด social mediaรับ input เท่าที่ตอนนี้จำเป็น
จับจังหวะชีวิตของตัวเอง จัดการกับเข้าเสียงในหัว และเริ่มต้มใหม่กับแผนเดิม
“I believe I can fly I believe I can touch the sky ☁ “
และนี่คือ 8 ข้อที่ไตร่ตรองได้มาและอยากจะแชร์ให้กับเพื่อนๆได้อ่าน
1. หัดใจดีกับตัวเองบ้าง
จังหวะชีวิตของคนไม่เท่ากัน ต่อให้ทุบตีหรือเร่งบีทให้เร็วขนาดไหนก็ไม่ได้ ตัวเราเองจะเหนื่อยเร็ว ฉะนั้นการจัดตารางชีวิตคือเรื่องสำคัญ เริ่มการเปลี่ยนระบบชีวิตใหม่ โยนความคิดทุกอย่างลงบนโต๊ะ แล้วจัดเรียงความสำคัญ แล้วกลับเข้าสู่ process ของเรา
รับ input เท่าที่จำเป็นและเหมาะกับสถานการณ์ที่เราเจออยู่ ไม่พยายามไปคุมควมในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และในทางกลับกัน สิ่งใดที่เราควบคุมได้เราก็จะทำมันอย่างสุดความสามารถ และที่สำคัญต้องไม่ขี้เกียจจจจ 😅

2. เมื่อพลังงานชีวิตต่ำให้ลองทำอะไรแปลกใหม่
ลองทำอะไรใหม่ๆ เช่น รีวิวสินค้า ร้องเพลง ถือเป็นการหลอกสมอง ว่าฉันไม่ใช้แกหนักละนะ สบายๆ
ทำอย่างอื่นให้ สมองมัน fresh
จากนั้นค่อยกลับเข้าสู่เส้นทางหลัก ขนาดเราขับรถทางไกล เรายังพักซื้อกาแฟเลย จริงมั้ย
ทุกการเดินทางก็ต้องมีระยะเวลาพักของมันแหละเน๊าะ หายเหนื่อยแล้วก็เดินทางกันต่อได้เลยยย
3. ออกไปเจอคนบ้าง
หน้าจอสี่เหลี่อมอาจจะพาเราท่องไปทุกที่ได้จริง ที่การเจอคนการพูดคุยแบบ physical มันทำให้เราสัมผัสความรู้สึกนึกคิด reaction ของคนตรงข้าม พูดคุยกับเพื่อนที่ไม่เจอกันนานและอัพเดทชีวิต แม้กระทั่งออกไปสั่งกาแฟ พูดคุยถามเรื่องเมล็ดกาแฟอันไหนเปรี้ยว ไม่เปรี้ยว ถือว่าสร้าง conversion ใหม่ๆ ให้ชีวิตดูมีอะไร
การได้รับฟังหรือผู้คุยในมุมมองใหม่ๆ จะให้ทำให้ค้นพบมิติที่แตกต่าง ความเปิดกว้างทางความคิดที่หลากหลาย หยิบจับเรื่องราวที่น่าสนใจเอามาปรับใช้กับชีวิต

4. ออกกำลังกายให้สมองมันโล่ง
อันนี้โคตรสำคัญแค่ขยับวันละ 30 นาที ก่อนออกไปทำงานวันนั้นทั้งวันจะไม่เหี่ยวเหมือนเฟรนฟราย แถมยัง productive อะไรก็ได้ให้ร่างกายมันขยัน ขับเหงื่อ สมองก็โปร่งแล้ว
หลังจากออกกำลังกายด้วยตัวเองมาสักพัก ก็เริ่มสมัครยิมอย่างจริงจัง มันก้าวข้ามขีดจำกัดร่างกายเราเหมือนกันนะ มันทำให้เรารู้ว่าเราทำอะไรที่เราคิดไม่ถึงได้อีกมาก อย่างยกน้ำหนักเกิน 10 โล ออกกำลังกายได้นานถึง 1.30 ชม. มันแบบ ว้าวว ตัวเราก็เก่งเหมือนกันนะคับเนี่ยยย 😆

5. มาร์คหน้าอ่านหนังสือ
อันนี้เป็นวิธีที่ชอบมากก เพราะการมาร์คหน้า 1 ครั้ง จะใช้เวลาอยู่ที่ 20-40 นาที
แทนที่จะเล่น social ระหว่างมาร์คหน้า ให้เปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือขึ้นมาแทน
เป็นการพักสายตาจากหน้าจอ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำแล้วเวิร์คมากๆ
ทั้งได้ฝึกการจดจ่อระหว่างอ่านหนังสือ ฟื้นฟูจิตจากภายใจ แล้วช่วยให้เรามีสาธิมากขึ้น คุมอารมณ์ได้ดีขึ้น อีกอย่างหน้าไม่โทรมด้วย ถึงแม้ว่าเราจะนอนน้อยก็ตามม 🤣
6. ความสม่ำเสมอ
การฝึกให้ตัวเองมีวินัย และทำสิ่งๆนั้นสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะถึงปลายทางช้าแต่ ถึงอย่างแน่นอน คนเรามี condition และ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ชีวิต ไม่เหมือนกัน แต่ขอแค่ให้ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ 30-60 นาทีต่อวัน เติมจิ๊กซอร์ หรือ สร้างถนนให้กับเส้นทางที่เราอยากจะไปตามจังหวะชีวิตที่เราทำได้
Start small end up with successful ✌

7. ทิ้งบ้าง
การเขียน Dump journal หรือการเขียนแล้วทิ้ง
เขียนทิ้งเรื่องที่ติดอยู่ในหัวโดยไม่กลับไปอ่านมันอีก ก่อนนอนเคลียเรื่องราวแย่ๆ ที่เจอในวันนั้นๆ หรือเรื่องราวในใจที่ไม่ไปไหนสักที่ลงกระดาษ แล้วเขวี่ยงทิ้งซะ วิธีนี้จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น และได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ
8. การให้อภัยตัวเอง
เราพลาดได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หรือแม้กระทั่งโอกาสที่หลุดมือไปเพียงเพราะเรายังไม่พร้อม ไม่ดีพอ แต่ทุกครั้งที่ล้มต้องเรียนรู้และปรับปรุง ไม่ใช่ซ้ำเติมตัวเอง หรือกดตัวเองลง บอกตัวเองให้เป็นว่า “ไม่เป็นไรนะ เริ่มกันใหม่” แค่นี้เลย
เราไม่ได้จะเดินออกจากเส้นทาง แต่เราแวะพักเพื่อเติมให้พลังกาย และพลังใจมันไปต่อได้
self support สำคัญมาก ในวันที่เราหมดไฟ แต่เรายังไม่หมดใจ มันจะไปต่อได้เสมอ
เราทำได้ถ้าไม่หยุดเรียนรู้ด้วย หนึ่งสมอง สองมือ และศร้ทธาที่มีให้กับตัวเอง 🖤

ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางบนเส้นทางของตัวเองนะคะ
เหนื่อยก็พักสักหน่อยแล้วไปกันต่อเน๊าะ 😉
Leave a comment